10 สิ่งที่มองข้าม ทำให้ระบบเผาผลาญพังโดยไม่รู้ตัว!
"ออกกำลังกายยังไงก็ยังบวม ลดอาหารยังไงก็ยังอ้วน" สาวๆคนไหนกำลังประสบปัญหานี้บ้างคะ แล้วเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ยิ่งบางคนแก่ตัวลงร่างกายก็ยิ่งบวมอ้วน เรามาสังเกตุพฤติกรรมของเรากันดีกว่าว่ามีพฤติกรรมที่ทำให้ระบบเผาผลาญพังบ้างรึเปล่า?
1. กินอาหารไม่เป็นเวลา
จากผลการศึกษาด้วยหนูทดลอง 2 กลุ่ม โดยเลี้ยงด้วยอาหารที่มีไขมันสูงเหมือนกัน ต่างกันตรงเวลาให้อาหาร หนูกลุ่มที่กินอาหารไม่เป็นเวลา น้ำหนักตัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากผลการศึกษาด้วยหนูทดลอง 2 กลุ่ม โดยเลี้ยงด้วยอาหารที่มีไขมันสูงเหมือนกัน ต่างกันตรงเวลาให้อาหาร หนูกลุ่มที่กินอาหารไม่เป็นเวลา น้ำหนักตัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. สารกำจัดศัตรูพืช
สารเคมีที่อยู่ในสารกำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนมาในอาหาร สามารถแทรกแซงระบบเผาผลาญของร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ และมันก็ทำให้การลดน้ำหนักยากขึ้นไปอีก
นักวิจัยจากแคนาดาพบว่า ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักซึ่งเคยรับประทานอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนมากๆมาก่อน มักจะมีปัญหาในการลดน้ำหนักและต้องใช้ความพยายามในการลดมากกว่าปกติ และยังพบอีกว่าในกลุ่มผู้หญิงมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์มากกว่าผู้ชาย
3.พักผ่อนไม่เพียงพอ
จากผลการศึกษาของนักวิจัยชาวเยอรมันและสวีเดน พบว่าคนที่นอนน้อยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ในวันรุ่งขึ้นร่างกายจะเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยลง
แต่สิ่งที่แย่ยิ่งกว่านั้น การอดหลับอดนอนจะเป็นตัวลดพลังงานในร่างกายให้น้อยลง ทำให้รู้สึกเหนื่อย หมดแรง อ่อนเพลีย
4. วันนั้นของเดือน
สาวๆจะมีช่วงที่ต้องสูญเสียธาตุเหล็กในช่วงที่เป็นประจำเดือนในทุกๆเดือน และธาตุเหล็กนี่เอง ที่จะเป็นตัวช่วยนำพาออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย
ถ้าหากระดับธาตุเหล็กของสาวๆมีต่ำเกินไป กล้ามเนื้อส่วนต่างๆได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ระดับพลังงานและความสามารถในการเผาผลาญของร่างกายคุณจะดำดิ่งลงอย่างเห็นได้ชัด
สาวๆควรเพิ่มธาตุเหล็กให้ร่างกายได้ด้วยการรับประทานผักที่มีธาตุเหล็กสูงไม่ว่าจะเป็น ถั่ว ผักใบเขียว เช่น ผักโขม กวางตุ้ง บร็อกโคลี่ เป็นต้น
5. กินน้อยเกิ๊นนนน
สาวๆหลายอาจเป็นกังวลในเรื่องของแคลอรี่มากจนเกินไป บางครั้งอาจถึงขั้นอดอาหาร ไม่กล้ากินเพราะกลัวอ้วน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นที่สุด
เพราะร่างกายของสาวๆจะสลับเข้าสู่โหมด "ความอดอยาก" ร่างกายก็สั่งการให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายชะลอตัวลง เพื่อประหยัดและเก็บกักพลังงานที่คุณมีอยู่ในร่างกายอันน้อยนิดเอาไว้
6. นั่ง…นานเกินไป
เพียงคุณนั่งอยู่กับที่เพียง 20 นาที ก็เป็นการยับยั้งไม่ให้เกิดการเผาผลาญในร่างกายขึ้นแล้ว ซึ่งมนุษย์ออฟฟิศอย่างเราๆคงยากที่จะหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานเป็นเวลานานๆแบบนี้ไม่ได้
และจากการศึกษาชิ้นใหม่ยังพบอีกว่า การนั่งเป็นเวลานานยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวาน โรคหัวใจ อีกด้วย
7. อาการเมาเวลา หรือ เจ็ทแล็ก (JET LAG)
คนเราจะมีนาฬิกาชีวภาพที่เป็นตัวควบคุมการทำงานของแต่ละเซลล์ในร่างกาย ช่วยให้ระบบการเผาผลาญของคุณพร้อมทำงานตลอดเวลา แต่เมื่อคุณต้องเดินทางไปต่างประเทศและข้ามโซนเวลา
ร่างกายจะถูกสร้างให้ต่อต้านกับการเปลี่ยนแปลงกระทันหันแบบนี้ ทำให้เซลล์ต่างๆในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น รวมถึงระบบเผาผลาญก็จะด้อยประสิทธิภาพตามไปด้วยเช่นกัน
8. ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ
แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเผาผลาญไขมันในร่างกายของสาวๆด้วยนะ นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้สาวๆเปลี่ยนใจหันมาดื่มนมบ้าง
จากผลการวิจัยโดยสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยเทนเนสซี พบว่า แคลเซียมจะเป็นตัวกำหนดว่าพลังงานที่มีอยู่ในร่างกายนั้น ควรเผาผลาญไปหรือจะเก็บเอาไว้เป็นไขมัน ฉะนั้น การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงนอกจากจะช่วยให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น
ฉะนั้น การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงนอกจากจะช่วยให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้นอีกด้วย
9. อาการขาดน้ำ
ทุกๆกระบวนการทำงานของเซลล์ภายในร่างกายของสาวๆ รวมถึงระบบการเผาผลาญ ต่างก็ขึ้นอยู่กับน้ำด้วยกันทั้งสิ้น
หากรู้สึกว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ นั่นหมายถึง ความสามารถในการเผาผลาญแคลอรี่ของคุณจะลดต่ำลงกว่าปกติ 2% ตามผลงานการวิจัย ของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูทาห์
10. มองข้ามอาหารเช้า
เมื่อสาวๆพลาดการรับประทานอาหารเช้า ไม่เพียงแต่จะรู้สึกอยากกินอาหารมากขึ้นในมื้อเที่ยง ในความเป็นจริงแล้วกลับเป็นการทำให้ร่างกายรู้สึกว่าต้องประหยัดพลังงานที่มีอยู่ในร่างกายเอาไว้ให้มากๆ
หากรู้สึกว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ นั่นหมายถึง ความสามารถในการเผาผลาญแคลอรี่ของคุณจะลดต่ำลงกว่าปกติ 2% ตามผลงานการวิจัย ของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูทาห์
10. มองข้ามอาหารเช้า
เมื่อสาวๆพลาดการรับประทานอาหารเช้า ไม่เพียงแต่จะรู้สึกอยากกินอาหารมากขึ้นในมื้อเที่ยง ในความเป็นจริงแล้วกลับเป็นการทำให้ร่างกายรู้สึกว่าต้องประหยัดพลังงานที่มีอยู่ในร่างกายเอาไว้ให้มากๆ
Post a Comment