7 อาหารที่ควรหยุดทาน.. ถ้าอยากหายปวดหัวไมเกรน! [7 diet should stop eating .. If you lost a migraine headache!]




7 อาหารที่ควรหยุดทาน.. ถ้าอยากหายปวดหัวไมเกรน!


อาจไม่ใช่ทุกคนที่เคยปวดหัวไมเกรน อาการปวดหัวเมื่อมีความเครียด พักผ่อนน้อย ใช้งานสมองหรือดวงตาหนักเกินไป หรืออาจจะมาจากสาเหตุอื่นๆ อีกมากมาย แต่หากคุณเป็นคนที่ปวดหัวไมเกรนอยู่เรื่อยๆ คงเข้าใจความหนักหนาสาหัสและน่ารำคาญของมันดี กินยาแรงๆ ก็ใช่ว่าจะดีต่อสุขภาพ  ดังนั้น kaijeaw.com จะมาบอกถึง 10 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง หากอยากหายจากอาหารปวดหัวไมเกรน

  1. แอลกอฮอล์
       เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ไวน์แดง” เป็นตัวกระตุ้นอาการปวดหัวไมเกรนราว 30% เลยทีเดียว นอกจากนี้แอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ ยังทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวได้เช่นกัน (เวลาแฮงค์หนักๆ ก็เลยมักจะปวดหัวไปด้วยไง)



 2. คาเฟอีน
       หากคุณเป็นไมเกรน คุณไม่ควรดื่มคาเฟอีนมากเกินไป เพราะคาเฟอีนจะทำปฏิกิริยากับส่วนรับความรู้สึกของสมอง ที่เชื่อมโยงกับไมเกรนนั่นเอง แต่ในทางกลับกัน หากดื่มจิบช้าๆ เพียงเล็กน้อย สามารถลดอาการปวดหัวเฉพาะช่วงเวลานั้นได้เช่นกัน และกับบางคนปวดหัวแล้วรีบหากาแฟมาดื่มถึงจะหาย นั่นอาจจะเพราะคุณเป็นคนติดคาเฟอีน และอาการปวดหัวเป็นผลข้างเคียงจากการติดคาเฟอีน
3. ชีสที่บ่มหมักเป็นเวลานาน
       คนไทยอาจไม่ค่อยได้ทานชีสชนิดนี้มากนัก แต่ใครที่อยู่ต่างประเทศอาจจะเคยทาน และอาจจะติดใจกับรสชาติของชีสชนิดนี้ แต่ชีสจำพวก กอร์กอนโซล่าชีส (บลูชีส) คาเมมเบิร์ต และเชดดาร์ชีส เป็นตัวกระตุ้นอาการปวดหัวไมเกรนได้เหมือนกัน อาจเป็นเพราะชีสเหล่านี้มีสารไทรามีน (Tyramine) ที่ทำปฏิกิริยากับสารส่งผ่านประสาทในร่างกาย ที่ก่อให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้



  4. เนื้อแปรรูป
       นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งแล้ว ยังเป็นตัวกระตุ้นอาการปวดหัวไมเกรนอย่างดี เพราะอาหารเหล่านี้มีส่วนประกอบของโซเดียมไนเตรทสูง ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเคมีในสมองจนก่อให้เกิดอาการปวดหัวขึ้นได้
5. ผงชูรส
       นอกจากจะทำให้เป็นโรคเบาหวานแล้ว ยังทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนอีกด้วย โดยผลวิจัยบอกว่า 2.5% ของคนที่มีอาการปวดหัวนั้น มาจากส่วนประกอบในอาหาร ซึ่งนั่นก็คือผงชูรสนั่นเอง ผงชูรสมักมากับอาหารสำเร็จรูปค่อนข้างสูง ดังนั้นหากลดการทานอาหารสำเร็จรูปประเภท อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ ก็จะช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้



6. ผลไม้รสเปรี้ยว
       บางคนอาจรู้สึกดี รู้สึกสดชื่น หากได้ลิ้มรสชาติเปรี้ยวหวานของผลไม้เหล่านี้ เช่น ส้ม มะนาว เกรปฟรุต แต่กับบางคนโดยเฉพาะผู้ป่วยไมเกรนอาจให้ผลตรงกันข้าม รสชาติเปรี้ยวเหล่านี้อาจยิ่งกระตุ้นให้มีอาการปวดหัวมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้ลองดื่ม หรือทานผลไม้ประเภทนี้เล็กน้อย หากรู้สึกดีขึ้นก็ทานต่อไป แต่หากไม่ ขอให้หลีกเลี่ยงจะดีกว่า หรือทานเป็นผลไม้สดดีกว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นๆ ประเภทมะนาวปั่น ส้มปั่น ความเย็นของน้ำแข็งหากดื่มเร็วๆ อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวเย็นขึ้นสมองได้
7. น้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล



       มักพบในขนม หรือเครื่องดื่มบางชนิด เช่น น้ำอัดลดประเภทน้ำตาล 0% น้ำตาลเทียมต่างๆ แพทย์มักสั่งไม่ให้ผู้ป่วยไมเกรนดื่มหรือทานอาหารที่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เพราะเป็นสารที่กระตุ้นอาการปวดหัวไมเกรนได้ดีเลยทีเดียว
       ถึงแม้อาหารเหล่านี้จะไม่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคไมเกรน แต่หากไม่นับผลไม้รสเปรี้ยวแล้วล่ะก็ ที่เหลือก็เป็นอาหารที่ควรลดทั้งนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ป่วยหรือไม่ก็ตาม
       ดังนั้นหากไม่อยากมีไมเกรนเป็นโรคประจำตัว ควรเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และแบ่งเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนให้ชัดเจน รับรองว่าชีวิตของคุณไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนแน่นอน
     




Post a Comment